มุมมองและเรื่องราวของ Todd Boehly
รวบรวมข้อมูลจากคลิปสัมภาษณ์ของ Todd Boehly เจ้าของใหม่ Chelsea F.C. และมาแตกประเด็นเป็น 8 หัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองของเขา
หมายเหตุ บทสัมภาษณ์เหล่านี้เกิดขึ้นประมาณ 1 ปีก่อนการ Takeover Chelsea
1. มุมมองต่อฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในฐานะนักลงทุน
ฟุตบอลเป็นเกมส์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความหลงใหลของแฟนๆ ในกีฬาฟุตบอล และ สโมสรที่อังกฤษนั้นไม่มีใครเทียบได้
และเมื่อมาคิดดูว่า คุณพยายามจะสร้างอะไรที่นั่น (อังกฤษ) พบว่าคุณต้องพยายามคว้าชัยชัยชนะ และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ดูจากโอกาสที่เรามีกับทีม Dodgers จริงๆแล้วมันเกี่ยวกับการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Los Angeles และที่ LA เราคิดเกี่ยวกับว่า เราจะคว้าชัยชนะได้อย่างไร เราจะคว้าแชมป์ได้อย่างไร และ เราจะสร้างแพสชั่นได้อย่างไร
ดังนั้นเมื่อคุณมองไปที่พรีเมียร์ลีก ที่นั่นมีทุกอย่างที่พูดไป มีคุณภาพในการเล่นสูง มีผู้เล่นคุณภาพสูง และคุณยังมี Media Market (ตลาดของสื่อ) ที่กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาอีกด้วย และสิ่งที่ยอดเยี่ยมสิ่งนึงที่พรีเมียร์ลีกมี ก็คือ ในเช้าวันเสาร์ที่อเมริกา เป็นช่วงที่ตารางทีวีไม่แออัด ซึ่งมันได้ถูกครอบครองโดยพรีเมียร์ลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ สถานีโทรทัศน์ NBC ก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการพยายามที่จะนำเสนอ Content ที่ยอดเยี่ยมนี้
คุณรู้ไหมว่าตอนเด็กๆ เช้าวันเสาร์ผมดู Pac-man, Donkey Kong แต่ผมไม่เคยรู้อะไรกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเลย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเชลซี ผมไม่รู้เกี่ยวกับท็อตแน่ม ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสโมสรเหล่านี้ แต่เด็กๆสมัยนี้รู้เรื่องพวกนี้ดี รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด และ พรีเมียร์ลีกนั้นดีที่สุด
พิธีกร: คุณมีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของ หรือ ลงทุนในพรีเมียร์ลีกไหม
Todd: คุณไม่สามารถคาดเดาอะไรได้หรอก ผมต้องบอกคุณอีกครั้งนะว่า พวกเขา (พรีเมียร์ลีก) ยอดเยี่ยมมาก และ สิ่งที่ดีหนึ่งอย่างเกี่ยวกับพวกเขาคือ พวกเขาทีมที่ขับเคลื่อนด้วยความสัมพันธ์ของผู้คน ทีมคือผู้คน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อแล้วก็รีบขายทำกำไร เพราะฉะนั้นแล้ว มันเกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว และ การทำความรู้จักกับพวกเขา ผมไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมต้องเรียนรู้อย่างมากเกี่ยวกับฐานแฟนบอล ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร ผมต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโอกาสทั่วโลก และผมแทบไม่เชื่อเลยนะว่า American Football จะถูกเรียกว่าฟุตบอล (ที่อเมริกาเรียกฟุตบอลนอกประเทศว่า Soccer) เพราะสำหรับผมแล้วฟุตบอลที่ใช้เท้าจริงๆในยุโรปมากกว่าที่ต้องเรียกว่าฟุตบอล
2. แนวคิดการบริหารบริษัท Eldridge Capital
บริษัทด้านการลงทุนของ Todd Boehly
Eldridge นั้นลงทุนหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสื่อ ดนตรี อสังหาริมทรัพย์ เกมส์ และกีฬา อื่นๆเช่นบริษัทจำหน่ายตั๋ว ซึ่งดูเหมือนว่าเขาลงทุนแทบทุกอย่าง เป็นอุตสาหกรรมที่แตกต่างต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้ว Todd Boehly กำลังจะสร้างอะไร?
Todd บอกว่ามันคือการกระจายลงทุน ซึ่งเป้าหมายของเราก็แค่ทำให้เป็นการลงทุนที่ดี และหมั่นทบต้นผลตอบแทน
ปีที่แล้ว Todd ก็เพิ่ง Take over บริษัทขายตั๋วและนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไป อะไรที่ทำให้ Todd หลงใหลการลงทุนในอุตสาหกรรมความบันเทิงขนาดนี้?
Todd รักใน content โดยเฉพาะ Premium content (Content ที่ดีมากๆ เช่น premier league, เบสบอล, NBA)
3. ผู้กอบกู้
บริษัทสื่อ Hollywood Foreign Press Association
Todd ยังได้เข้าเป็น CEO ชั่วคราวของบริษัทสื่อ Hollywood Foreign Press Association และได้ทำการปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อการปรับปรุงระบบการทำงานให้ดีขึ้น ปรับปรุงโชว์ให้ดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้องค์กรสื่อนี้เป็นองค์กรที่ค่อนข้างหัวโบราณ ไม่ยอมปรับตัวจนกระทั่งเกิดวิกฤติ และ เมื่อ Todd เข้ามาบริหาร ทีมงานเหล่านี้ก็ตอบสนองต่อนโยบายการเปลี่ยนแปลงบริษัทเป็นอย่างดี จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก และ มุ่งหมายที่จะเป็นองค์กรแห่งอนาคต
บริษัทขายตั๋ว Vivid Seats
Vivid ซึ่งเป็นธุรกิจขายตั๋วในเครือของ Todd Boehly
Todd พูดว่า เรารู้จักธุรกิจขายตั๋วเป็นอย่างดี เราจัดระบบขายตั๋วรูปแบบใหม่นี้เมื่อตอนที่เราได้เป็นเจ้าของทีม Dodgers
เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Vivid มาก เราจึงรู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก ถ้าคุณลองไปดูที่ตลาดอื่นนะ คุณจะเห็นว่า Vivid ขายตั๋วถูกกว่าในราคาส่วนลด 40–50% เลย
Todd ยังชี้ให้เห็นว่าเจ้าของคนเก่ามีการบริหารงานที่ไม่ดีพอ แต่เมื่อ Todd เข้ามา take over และบริหาร ภายในไตรมาสถัดมา บริษัทสามารถพลิกขึ้นมากำไร และ ทำได้ดีกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้มาก
ทีมเบสบอล L.A. Dodgers
มีคนบอกว่าลีกเบสบอลภูมิภาค เหมือนน้ำแข็งที่กำลังจะละลาย แต่ Todd ไม่มองแบบนั้น กลับมองว่าเขาสามารถเข้ามาเปลี่ยนมันได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว Todd บอกว่ากีฬาเบสบอลยังมี content ที่แข็งแกร่ง แถมยังมีโอกาสที่จะขายสินค้าอีกมากมาย หรือ การสร้างรายได้แบบอื่นอย่างการขายบัตรเข้าชม และ การถ่ายทอดสด
เพราะถ้าหากคุณมี Content โดยเฉพาะ Premium content สุดท้ายแล้วมันก็จะถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ เพราะผมมองภาพ content เหล่านี้มีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว ถึงแม้ในระยะสั้นมีเรื่องให้ต้องกังวลกับตลาดของลีกภูมิภาคเบสบอลก็ตาม
ในปี 2011 ทีม Dodgers ในลีกเบสบอลเป็นทีมที่มีการบริหารจัดการที่แย่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ภายใต้การทำทีมของเจ้าของคนเก่าอย่าง Frank McCourt ซึ่งขณะนั้นสโมสรมีสถานะการเงินย่ำแย่ สุดท้าย Todd Boehly ร่วมกับ Mark Walter และตำนานทีม L.A. Lakers อย่าง Magic Johnson ก็เข้ามา Take Over สำเร็จในราคา 2.15 พันล้านดอลลาร์ ในการขายที่ดูแลโดยศาลล้มละลาย และราคาเป็นราคาสถิติโลกในการซื้อสโมสรกีฬาใน ณ ขณะนั้น
ภายในสองปี หลังจากที่ฟื้นฟูสโมสรให้กลับมาเป็นทีมที่มีเกียรติอีกครั้ง Todd Boehly ได้จัดการข้อตกลงมูลค่า 8.35 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง Time Warner Cable และ Dodgers เพื่อสร้าง SportsNet LA ซึ่งเป็นเครือข่ายระดับภูมิภาคที่ถ่ายทอดเกม Dodgers ทั้งหมด เงินสดส่วนใหญ่นั้นไหลกลับเข้ากองทุนประกันทันทีที่นำไปใช้เพื่อซื้อทีมและนำเงินไปลงทุนซ้ำในแต่ละเดือน
หลังจากนั้น LA. Dodgers ก็เริ่มคว้าแชมป์ลีกมาเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ปี 2013 ยาวมาถึง 2021 และในปี 2020 ทีม Dodgers ก็กลายเป็นแชมป์รายการ World Series หรือแชมป์ใหญ่สุดของ baseball
Next…Chelsea?
4. นวัตกร
ขายเทคโนโลยีที่คิดค้นให้กับ Intel
ผมคิดว่าทีมกีฬาเป็นคอนเทนท์แพลตฟอร์มอย่างนึงนะ ยกตัวอย่างดีลแรกที่เราทำกับ Dodgers บริษัทชื่อว่า InstantReply (Replay Technologies)
ตอนที่เราเปิดสนาม Dodgers Stadium เรานำกล้องเข้ามามากมายพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ จากนั้น Intel ก็ซื้อเทคโนโลยีนี้ของเราไป เราได้มาไม่กี่ล้านหรอก
คือเทคโนโลยีนี้มันเป็นเทคโนโลยี 360 องศาวิว เวลาที่คุณดูที่ Home Plate (ฐานเบสบอล) มันก็ทำให้คุณได้วิว 360 องศาไปด้วย เทคโนโลยีนี้คิดคนขึ้นมาที่ Dodgers เลยนะ ด้วยทีมพัฒนาจากอิสราเอล และเราขายมันเราขายมันให้ Intel
(ผู้เขียน: น่าจะคล้ายๆ Goal Line Technology)
ด้วยอุปนิสัยของ Todd แล้ว เป็นคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ FinTech เพราะ Todd บอกว่า Platform เดิมๆ นั้นมีต้นทุนเยอะเกินไป เช่นต้นทุนสาขา ต้นทุนพนักงาน
Todd บอกตื่นเต้นที่อยู่ยุคนี้ และดีใจมากที่เกิดเป็นอเมริกัน เพราะมีโอกาสเยอะแยะมากมาย และ ยังตื่นเต้นที่ได้เห็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เริ่มสร้างนวัตกรรมต่างๆ ในขณะที่ยังอยู่ในหอพัก หรือโรงรถ เพราะ 20 ปีที่แล้วคุณไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ไหนจะเรื่องการหาเงินทุนจากนักลงทุน แต่ตอนนี้มีเงินทุนมากมายบนโลกอินเตอร์เน็ต ที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น
เราไม่ใช่นักลงทุนแบบกองทุน เราเป็นผู้ให้เงินทุน เรามอบความยืดหยุ่นให้กับเหล่า start-up หากคุณไม่อยากเข้าตลาดหุ้น เราโอเค ถ้าคุณอยากเข้าตลาดหุ้น เราก็โอเค เราให้สิทธิ์พวกเขาเต็มที่ ที่เราจะทำคือทบต้นผลตอบแทน และเติบโต สิ่งที่เหล่า start-up ต้องทำคือโฟกัสกับธุรกิจเท่านั้น
5. มุมมองนักลงทุน
พิธีกร: คุณคือนักลงทุน ที่ซื้อกิจการมาหลากหลายรูปแบบ คุณประเมินมูลค่ากิจการอย่างไร?
Todd: ผมใช้เวลาอย่างมากในการลงทุน หาของดีที่ยังอยู่ระดับล่าง และช่วยให้สิ่งนั้นเติบโต ดังนั้นงานของพวกเราคือ ลงทุนกับบริษัทเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ หรือหาบริษัทที่มี story ที่ไม่เหมือนใคร และก็เข้าไปลงทุน
แรงบันดาลใจในการบริหารธุรกิจของผมคือ ผมชอบนึกไปถึง 30 ปีข้างหน้าและผู้คนมองย้อนกลับมา และพูดว่า “ว้าว คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน”
พิธีกร: แล้วคุณมองเห็นว่า LA Lakers & Dodgers จะกลายเป็นทีมที่เป็นแบรนด์ระดับ top3 ของโลกได้ยังไง เพราะตอนที่คุณซื้อทีมมา สองทีมนี้ยังไม่ได้เป็นแบบนั้น คุณเห็นโอกาสอะไร?
Todd: ผมชอบอะไรที่มันมี โมเมนตัมที่สำคัญอยู่เบื้องหลังนะ ผมคิดว่ามันแพงกว่าปกตินะ แต่มันคุ้มค่ากว่าของทั่วไป
ยกตัวอย่าง ตอนซื้อ Lakers ผมมีข้อมูล ว่าเขาขายเสื้อมากกว่าทีมอื่นๆรวมกันซะอีก พวกเขาคว้าแชมป์มาแล้วกว่า 17 รายการ เต็มตู้โชว์เลย ส่วนในกรณีของ Dodgers มี 6 รายการและทุกคนก็รู้ว่ามันจะเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นทั้งสองแบรนด์นี้มันมีความหมายมากกว่า เบสบอล และ บาสเก็ตบอล
มันหมายถึงช่วงเวลาการถ่ายทอดสด มันหมายถึงสปอนเซอร์ หมายถึงร้านค้า การขายตั๋ว มันหมายถึงการพาแบรนด์ไประดับ Global และตอนนี้ทั้งลีกก็เริ่มคิดถึงเรื่องนี้กันแล้ว ส่วนเรา Dodgers ตอนนี้เราขายสินค้าทั้งที่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน
พิธีกร: หลานชายอายุ 12 ปีของผมไม่ชอบที่จะนั่งชมกีฬาไม่ว่าจะชนิดใด แต่ว่าเขาเล่น Xbox และรู้จักผู้เล่นเบสบอลในเกมส์ สิ่งนี้ให้กำลังใจคุณ หรือทำให้คุณหมดกำลังใจมากกว่ากัน?
Todd: สิ่งนี้ให้กำลังใจผมนะ เพราะคุณกำลังสร้างฐานแฟนๆ หนึ่งสิ่งที่แฟนกีฬามีก็คือแพชชั่น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบกีฬา
ผมเองก็ผมเองก็รู้มาว่าที่ Dodgers เรามีเด็กห้าขวบเข้ามาชมเกมด้วย มันเป็นโอกาสที่ดีในการทำให้เขากลายเป็นแฟนทีมในระยะยาว
ผมมั่นใจผมมั่นใจได้เลยนะ ว่าหลานคุณจะสนุกไปกับการชมเกมการแข่งขันจริงๆ เพราะผมไม่คิดว่าเด็กวัย 12 ขวบจะชอบนั่งอยู่เฉยเฉยหรอก
เท่าที่ผมจำได้ลูกชายสามคนของผมพวกเขากระตือรือร้นมาก เค้าไม่ชอบนั่งอยู่เฉยเฉยเป็นเวลา 2 ถึง 3 ชั่วโมง พวกเขาก็เล่นเกมแฟนตาซีลีกไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเกตบอล เบสบอล และนี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางของคอนเทนท์น่ะ
ยิ่งผู้คนมีส่วนร่วมในช่องทางอื่นๆ นั่นก็แปลว่าคุณกำลังสร้างฐานแฟนๆอยู่นะ แต่ผมเองก็ไม่ได้เอาแต่คิดว่า ทีมของผมคือเอนเตอร์เทนนิ่งคอนเทนท์หรอก เพราะกีฬามันคือความหลงใหล มันคืออารมณ์ร่วมที่ผู้คนมีให้กับทีม มันคือเหตุผลที่ทุกคนตื่นมาในแต่ละวัน ใช่มันคือคอนเทนท์ที่ดี มันเป็นคอนเทนท์ที่ไม่เหมือนใครและคุณไม่สามารถเพิ่มคอนเทนท์แบบนี้ได้อีกแล้ว
คุณมี NFL 32 ทีม เบสบอล มี 30 ทีม (พรีเมียร์ลีกมี 20 ทีม) คุณเพิ่มทีมลงไปอีกไม่ได้แล้วนะ ด้วยปริมาณที่จำกัดขนาดนี้และผลิตเพิ่มไม่ได้ มันคือคุณสมบัติของ Luxury product เลย
พิธีกร: คุณลงทุนในคอนเทนท์คุณมีทางบริษัทสื่อ มีบริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่หลากหลายจากตะวันออกถึงตะวันตก นอกจากนั้นยังมี Dick Clark Productions ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รางวัล Golden Globe อีกด้วย และคุณก็ยังมีบริษัทขายตั๋วอย่าง Vivid Seat อีก (เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ไป) คุณลงทุนในอะไรในบริษัทเหล่านี้?
Todd: เราลงทุนในความคลั่งไคล้ของผู้คน ทั้ง
Todd: เราลงทุนในความคลั่งไคล้ของผู้คน ทั้ง Dick Clark Productions ที่ได้รับรางวัล หรือ MRC Entertainment ทุกอย่างมันเกี่ยวกับพรีเมี่ยมคอนเทนท์ที่ทุกคนสามรถมีส่วนร่วมกับมันได้
ผมคิดว่าทีมกีฬาเป็นคอนเทนท์แพลตฟอร์มอย่างนึงนะ ยกตัวอย่างดีลแรกที่เราทำกับ Dodgers บริษัทชื่อว่า InstantReply (Replay Technologies) ตอนที่เราเปิดสนาม Dodgers Stadium เรานำกล้องเข้ามามากมายพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ จากนั้น Intel ก็ซื้อเทคโนโลยีนี้ของเราไป เราได้มาไม่กี่ล้านหรอก
คือเทคโนโลยีนี้มันเป็นเทคโนโลยี 360 องศาวิว เวลาที่คุณดู Home Plate มันก็ทำให้คุณได้วิว 360 องศาไปด้วย เทคโนโลยีนี้คิดคนขึ้นมาที่ Dodgers เลยนะ ด้วยทีมพัฒนาจากอิสราเอล และเราขายมันเราขายมันให้ Intel
เราจึงเราจึงตระหนักได้ว่า โอ้พระเจ้า มันยังมีเลเยอร์ของธุรกิจอยู่ตรงนี้อีกนี่นา แน่นอนว่าเรานำเสนอในสนามแข่งของเราเป็นเหมือนกับแพลตฟอร์ม และมีคนเข้ามาเรื่อยๆ เป็นจำนวน 5 ล้านคน ก็เป็นเหมือนทรัพย์สิน
ดังนั้นเราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมของสนามแข่งเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นทุน และลงทุนควบคู่ไปด้วยก็ได้ มันค่อนข้างเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ สำหรับผมแล้วมันคืออีกเลเวลเลย ที่ผมสามารถทำมันกับทีมกีฬาได้
พิธีกร: คุณยังมีอย่างอื่นในรายการที่ต้องทำของคุณอยู่อีกไหม อย่างแพลตฟอร์มอื่นๆ ลีกอื่นที่คุณสามารถเพิ่มลงในพอร์ตการลงทุนของคุณได้อีก
Todd: เป้าหมายสูงสุดของผมคือทำให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ตรงจากสื่อได้อย่างเหมาะสม และคุณต้องเรียงลำดับความสำคัญก่อนนะ คุณคงจะได้เห็นในอีก 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ของ Dodgers, Lakers และในท้ายที่สุดเราก็ยังคงเดินหน้าขยายฐานแฟนๆของเราต่อไป ยิ่งคุณผูกพันลึกซึ้งกับแฟนๆเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ แฟรนไชส์ของคุณแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และเมื่อแฟรนไชส์ของคุณแข็งแกร่งขึ้น คุณจะมีโอกาสคว้าชัยชนะได้มากขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ต้องมีแฟนๆเป็นจุดศูนย์กลางในการบริหารทีม เมื่อคุณมีแฟนๆเป็นจุดศูนย์กลางในการบริหาร คุณจะคิดออกในวิธีการต่างๆที่คุณสามารถมอบให้แฟนๆได้
หากลองย้อนกลับมาที่คำถามว่าผมจะทำอะไรต่อ ผมจะมองหาว่ามีอะไรอีกที่ผู้คนมอบแพชชั่นให้กับมัน และอะไรที่คนใส่ใจมันมากๆ และอะไรที่มีจำนวนจำกัด ซึ่งผลิตเพิ่มไม่ได้แล้ว หรืออาจจะเพิ่มได้นิดหน่อยแต่ไม่สามารถผลิตเพิ่มจำนวนมากๆได้
เราก็รู้ว่ามันจะมีสภาพคล่องของเงินอีกเป็นจำนวนมหาศาลอัดฉีดเข้ามาในระบบ (การพิมพ์เงิน) และมันก็จะเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งเรานั้นขึ้นไปอีก ถึงแม้ในระยะสั้นราคามันจะขึ้นๆลงๆไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วอุปทานของเงินจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สินทรัพย์เหล่านี้มีจำกัด มันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากมูลค่าจะต้องเพิ่มขึ้น
6. พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
จะมีประโยคที่ Todd พูดไว้บ่อยมากๆในแต่ละคลิปที่ให้สัมภาษณ์ เช่น “ไม่มีใครรู้อนาคต” “เขาเป็นคนไม่เดาอนาคต” “กระจายการลงทุน”
Todd พูดว่า การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน จะทำให้เราหลุดจากวัฏจักรของตลาด
ยกตัวอย่าง
เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของ Covid-19 บริษัทการลงทุนของเขารับมือด้วยการมองหาหลักประกันในอนาคต ที่ไม่ว่ายังไงบริษัทเขาจะรอดพ้นวิกฤติการระบาดครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการซื้อพันธบัตรในราคาที่ถูกกว่าปกติ ที่ราคา $0.85 หรือพูดง่ายๆก็คือ Todd กำลังนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของโครงสร้างทางการเงินของสหรัฐอเมริกา ด้วยการเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐซะเลย เพราะเมื่อตลาดฟื้นขึ้นมา เขาจะทำกำไรได้อย่างมหาศาลด้วยการถือครองหลักประกันที่แทบไม่มีความเสี่ยงเลย ถือเป็นกลยุทธ์การรับมือแบบ Counter Attack เลยก็ว่าได้
Todd ยังไล่ Take Over บริษัทต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ครั้งนี้เช่นบริษัทปล่อยกู้ ร้านอาหารฟาสฟู๊ด แม้กระทั่งลงทุนในพวก Digital & FinTech และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วง 15 เดือนภายใต้การระบาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
เมื่อโลกกลับมาเดินหน้าต่ออีกครั้ง Todd พูดว่าขายพันธบัตรไปแล้วครึ่งนึง และยังได้กลุ่มการลงทุนใหม่ๆของเรา ที่สามารถเปลี่ยนหนี้ให้กลายเป็นทุนได้
7. การบริหารทีมกีฬา
Todd บอกว่า การบริหารบอร์ด และ ทีมกีฬาให้สำเร็จควบคู่ไปด้วยกันน้ันเริ่มจากธรรมาภิบาร และ วัฒนธรรมในสโมสร เรามีทีมผู้บริหารที่ดี เรามีตลาดที่ดี และตลาดนี้ต้องการชัยชนะ
ที่ Dodgers เรามี Ervin “Magic” Johnson (ตำนานทีม Lakers) เป็น Partner เขาบอกกับเราเสมอว่า หากคุณอยู่ L.A. คุณต้องชนะ และเมื่อคุณมีคนอย่างเขามาเป็น Partner แล้ว มันจะเป็นการย้ำเตือนว่า Dodger สามารถดึงดูดผู้เล่นเข้าทีมได้ ขับเคลื่อนทีมด้วยพลังงานเหลือล้นได้ ดังนั้นเราจึงทำการซื้อผู้เล่นเก่งๆมากมายเข้าทีม ตั้งแต่ที่เราเริ่มเข้ามาบริหารเลย
และนั่นเป็นพลังงานที่สั่นสะเทือนวงการเลย เพราะท้ายที่สุด เราสามารถทำให้แฟนๆของเรากลับเข้าสนามได้ เราต้องการที่จะมีแพสชั่นในชัยชนะ
คุณต้องจำไว้เสมอว่า คุณต้องมีแฟนเป็นศูนย์กลาง เมื่อไหร่ที่คุณสับสนในการตัดสินใจ ให้ท่องไว้เสมอว่า
คิดถึงแฟนๆเข้าไว้! คิดถึงแฟนๆเข้าไว้! คิดถึงแฟนๆเข้าไว้!
ถ้าสายตาคุณมองแฟนๆอยู่ตลอดเวลา และคุณมีมุมมองของแฟนบอลอยู่ในตัว และยิ่งถ้าคุณมีตลาดใหญ่อย่าง Los Angeles ด้วย คุณสามารถผนวกทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี
Put the right man into the right job
เลือกคนที่ใช่ให้เหมาะกับงาน
Todd บอกว่าคุณจำเป็นต้องมีรากฐานแห่งความสำเร็จอยู่ในสโมสร คุณต้องรู้ว่าใครคือคนที่ใช่ และให้เวลาเขา 24 ชั่วโมง 7 วันในการทำงานนี้ เพราะผมมีเวลาแค่ 15 นาทีในวันอังคาร
คุณต้องทำให้แน่ใจว่าคนที่คุณวางใจให้ทำงานนี้ พาสโมสรไปในเส้นทางที่ถูกต้อง เพราะสุดท้ายมันก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ เพราะคุณจำเป็นต้องมีคนที่อยู่ในธุรกิจนั้นจริงๆ คลุกคลีกับมันอยู่จริงๆ และพวกเขาจะต้องรู้สึกว่าเขาคือเจ้าของผลลัพธ์ที่ออกมาทั้งหมด
ใช่แล้ว, วางคนที่ถูก ในตำแหน่งที่ใช่ และปล่อยให้เขาทำงานไป
เมื่อคุณเห็นผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงในทางที่คุณชอบ นั่นเป็นเวลาที่คุณจะหนุนหลังผู้จัดการทีมเพิ่มเติมด้วยเงินทุน
แต่ไม่ใช่ว่าผมจะตอบตกลงในทุกดีลเสมอไป ผมตอบตกลงตลอดไม่ได้
คุณต้องเข้าใจมันก่อน คุณต้องลงลึกในข้อมูล คุณต้องลงลึกในการทำงาน คุณต้องพัฒนาสายสัมพันธ์ ซึ่งผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือรวบรวมข้อมูลในสิ่งที่คุณต้องการ ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป นั่นจะทำให้คุณยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีก
พิธีกร: คุณจัดการเรื่องการถ่ายทอดสดอย่างไร เพราะทุกวันนี้มันมีหลายสิ่งดึงดูดผู้คนทั้ง Social Media, E-commerce หรือแม้กระทั่งบ้านที่มีทีวีจอเดียว แต่มีเด็ก และ ผู้ใหญ่ดูร่วมกัน ผู้ใหญ่อาจจะบอกว่ามุมกล้องกีฬาประเภทนี้ดูแล้วเวียนหัว แต่เด็กอาจจะมองว่านี่มันออกจะตื่นเต้น คุณจะทำให้กีฬาเป็นรายการหลักของผู้คนอย่างไร และคุณจะนำเสนอมันอย่างไร?
Todd: คุณจำเป็นต้องมีมุมกล้องที่เข้ากันสำหรับทุกเพศทุกวัยได้ คุณต้องใช้คนที่มีประสบการณ์การทำงานในวงการทีวี 30–60 ปีเข้ามาช่วยคุณ และปรับปรุงในแง่ที่ ผู้ชมทุกคนต้องมีส่วนร่วมในทีมของคุณ ไม่ใช่ในแง่การพนันแต่หมายถึงความจงรักภักดีของแฟนๆ และเมื่อคุณสร้างการมีส่วนร่วมมากขึ้น คุณจะรู้ว่าครอบครัวจะดูด้วยกัน พ่อแม่ก็จะดูกับลูกๆ
ยิ่งคุณสร้างการมีส่วนร่วมกับทีมได้มากเท่าไหร่ คุณยิ่งได้รับความจงรักภักดีจากแฟนๆมากเท่านั้น และความภักดีนั้นสามารถแลกกลับไปเป็นเงินสดที่สนามได้ และมันก็เป็นกระแสเงินที่วนมาแบบนี้เรื่อยๆ
8. คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่
Todd เป็นเด็กเรียนไม่เก่งแต่เขาบอกว่า การที่เขาก้าวขึ้นมาจุดนี้ได้เพราะทำงานหนัก มันเริ่มจากตอนที่ผมเริ่มเป็นนักศึกษาและเริ่มครุ่นคิดกับตัวเองว่า ผมจะทำยังไงต่อไป ผมก็เลยไปปรึกษาศาสตราจารย์วิชาคณิตศาสตร์ของผมที่มหาวิทยาลัย และก็ได้มีการพูดคุยว่าผมจะเข้าสู่วงการการเงินได้อย่างไร ผมก็เลยตัดสินใจอ่านหนังสือเยอะมากๆ หลังจากนั้นเกรดผมก็กระเตื้องขึ้นมาก และผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มมีโมเมนตัมที่ดี จากนั้นผมก็ดิ้นรนเพื่อให้ได้ไปทำงานที่ลอนดอนซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป และสุดท้ายผมก็ได้งานที่ CitiBank London
หลังจากนั้นผมก็ย้ายกลับมาที่อเมริกา และเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว โอกาสมากมายกองเต็มไปหมดในกล่องจดหมายของผม เป็นโอกาสใหญ่ๆทั้งนั้นเลย ผมจึงได้พบเจอคนเก่งๆมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Mark Walter (หุ้นส่วนเชลซีคนปัจจุบัน) และ Whitney ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทสินเชื่อ (J.H. Whitney & Company) ผมจึงได้ทำการซื้อบริษัทสินเชื่อของ Whitney ซึ่งผมก็ฝันนะ ว่าอยากมีธุรกิจของตัวเอง และในที่สุดผมก็ได้มีธุรกิจของตัวเองสักที และทำมันมาเรื่อยๆเป็นเวลา 15 ปีแล้ว
มีเด็กๆนักเรียนมากมายถามผมเรื่องนี้นะ ว่าจะทำยังไงให้ประสบความสำเร็จ ผมก็ให้คำแนะนำง่ายๆไปคือ
“ผมไม่รู้”
ก็ผมไม่รู้ ผมก็ไม่ทำให้คุณเสียเวลา จะได้ไม่เสียเวลาคนอื่นด้วย ผมก็แค่บอกว่าผมไม่รู้เพราะมันเป็นการซื่อสัตย์มากกว่าที่จะบอกแบบนั้น และ นั่นทำให้เราจบการสนทนาลง แต่เมื่อใดที่ผมรู้ ผมก็จะกลับมาบอกละกัน เพราะจะช่วยให้เราประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากได้มากขึ้น
แต่พอกลับมาคิดก็ได้คำแนะนำว่า
ทำสิ่งที่คุณต้องทำให้เสร็จซะ เพื่อจะได้มีความน่าเชื่อถือ และจงรู้เกี่ยวกับงานที่คุณทำมากๆ อย่ามันจมปลักอยู่กับสิ่งต่างๆ ไม่วอกแวกกับสิ่งรบกวน คุณต้องหลับหูหลับตาทำไป ทำสิ่งที่คุณต้องทำให้สำเร็จซะ และยิ่งคุณทำงานคุณให้เสร็จเยอะเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับโอกาสตามมามากเท่านั้น
ดังนั้น อย่าเริ่มที่การมองหาโอกาส เริ่มที่ทำสิ่งที่คุณทำตอนนี้ให้เสร็จก่อน เดี๋ยวโอกาสมันจะตามมาเอง
ที่มา: